ระยะนี้ ทางวัดกำลังจัดเตรียมพื้นที่เพื่อการปรับปรุงและขยายลานธรรม
ด้วยกำลังของพระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติธรรม และอาสาสมัคร
เรียนเชิญมีส่วนร่วมได้ที่วัดค่ะ
พระอาจารย์โกศีล ปริปุณฺโณ
บ้านอารีย์
วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗
....ได้ปฏิบัติติดต่อกัน
ถ้าเราสังเกต บางครั้งก็จะพบเห็น
รู้ด้วยตนเอง บางครั้งก็ยังขึ้น ๆ
ลงๆ บางครั้งก็สม่ำเสมอ
โดยเฉพาะเวลาเราเดินนาน ๆ เดินจงกรมนาน ๆ บางครั้งจะรู้สึกทั่วตัว
บางครั้งก็จะกวัดแกว่ง แต่มันก็พัฒนาของมันไปเรื่อย ๆ จนมีความชำนาญ มีความชัดเจน
ที่จะอยู่กับตนเองและมันก็รู้จักตนเอง
บางคนงง ว่าให้รู้จักตนเอง รู้จักยังไง สมัยอาตมาได้ยินหลวงพ่อเทียนพูดใหม่
ๆ ก็งง ๆ เหมือนกันนะ รู้จักตนเอง
ถ้าเราสังเกตเอาตามพื้นฐานของเราก็คือเราหิวเราก็รู้จักว่าเราหิว เราอิ่มเราก็รู้จักว่าอิ่ม เรากระหายเรารู้
เราร้อนเราเย็น เรารู้ อันนี้โดยทั่ว ๆ ไปนะ
แต่พอลึกลงไปกว่านั้นก็คือเห็นชัดถึงความสุข ความทุกข์ ความพอใจ ความไม่พอใจ บางครั้งมันก็วกวนอยู่
ความพยาบาท ความอิจฉา ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความหวั่นไหว ความกลัว ความชอบ
ความไม่ชอบ บางครั้งก็ความอึดอัด คับแค้น สะเทือนใจ หรือไม่รื่นเริงแจ่มใส
หรือขมขื่น ท้อแท้ หรือบางครั้งก็มีปิติ มีความสุข
มีกำลังใจ นะ.. อันนี้คือการรู้จักตนเองลึกลงไป เราก็จะเข้าใจชีวิต ชีวิต
ความเป็นธรรมชาติอันหนึ่ง
บางครั้งก็ไม่ได้ดั่งที่เราปรารถนาก็เป็นทุกข์เศร้าโศกเสียใจ
บางครั้งพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักก็มีความกระเทือนใจเหมือนกัน นะ
ถ้าเรารู้จักตนเองก็รู้จักอาการกิริยาของจิตใจเราที่มันเป็นไป มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เรารู้จักอุปนิสัย ความเคยชิน ว่าไปแล้วก็คือกิเลส สันดานของเรานั่นเอง
นะ บางครั้งมันเป็นอย่างไร
เราก็จะรู้มันละเอียดลงไป
เราก็จะรู้ข้อปฏิบัติที่จะละ ที่จะเปลี่ยนแปลงมัน
เมื่อเราเจริญสติไป ภาวนาไปเรื่อย ๆ
มันก็จะมีวิธีปรับเปลี่ยนแก้ไขมัน แต่บางทีรายละเอียดนั้นมันเป็นความคิดความจำ แต่พอเราทำลงไปจริง ๆ แล้วมันก็เป็นหนึ่งเดียว
ความรู้สึกตัวหรือสติสัมปชัญญะ เมื่อเราทำลงไปแล้วมันก็จะไปชำระ
ปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในตัวเรา ในกายในใจของเรา ทัศนะของเรา ความคิดความเห็นของเรา
ก็จะปรับเปลี่ยน เมื่อเรามีสติสัมปชัญญะเพียงพอ เพราะฉะนั้น ความเห็นต่าง ๆ
ของเราก็เปลี่ยน
โดยเฉพาะเราชอบสิ่งใดเราก็อยากให้สิ่งนั้นมันเที่ยง มันถาวร อันไหนไม่ชอบก็อยากให้ไม่เทียง
อยากให้เปลี่ยน
ในความเป็นจริงทั้งสิ่งที่เราชอบและเราไม่ชอบก็เป็นอนิจจัง
มันก็เปลี่ยนแปลงของมัน มันก็เป็นความทุกข์ ไปยึดไปติดมัน มันก็หาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้
มันก็เป็นลักษณะสามอย่าง มันก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน เราจึงเข้าไปยึดเข้าไปเกาะเกี่ยวมันไม่ได้
เราก็ต้องปล่อยไปเป็นไปตามธรรมชาติของมัน เราเป็นผู้ดู ดูจนชัดเจน
ความทุกข์ในใจก็จะลดลง ที่สุดก็จะเป็นคนที่ปล่อยวางได้ง่าย...